หลังจากช่วงนี้ปิดเทอม ช่วงเกินไป แล้วฟุ้งซ่านมากมาย เริ่มจากการมาเป็นออแพร์ที่อเมริกา หรือพี่เลี้ยงเด็กนี่เอง ก็ได้อะไรมากมายจากการอยู่ที่นี่ ซึ่งมันมีคุณค่ามากมายมหาศาล มันไม่ใช่ว่าอเมริกาคือเมืองนอก ประเทศที่คนใฝ่ฝันอยากมากัน แต่มันได้ความเติบโต พัฒนาการสมองของตัวเอง เปิดกว้างมากขึ้น เข้าใจแล้วว่า ทำไมเค้าถึงเรียกเปิดโลกกว้าง สมกับความยากลำบากก่อนที่จะได้มา ต้องบอกก่อนค่ะ ว่าตอนนี้กำลังเรียนปริญญาโทอยู่ ซึ่งหมายความจบโครงการออแพร์แล้ว เป็นออแพร์อยู่หนึ่งปีเก้าเดือน แต่รู้สึกว่าภาษากระดิกไม่มากเลย เพราะอะไรหรอคะ เพราะคบแต่เพื่อนคนไทย ไม่พยายามเข้าหาโฮสหรือครอบครัวที่เราอยู่เท่าไหร่ แต่ก็พัฒนาขึ้นนะคะ จากวันแรกที่มาประเทศนี้ใหม่ๆ จำได้ว่าวันแรกๆไม่ใช่สิ ปีแรกๆนี่ ภาษาอังกฤษถึงขั้นป่วย ตอนนี้ยังไม่ดีเลย แต่พัฒนาขึ้น ตอนนี้เรียนปริญญาโท ด้านการจัดการ ไม่ง่ายเลยทีเดียว ยากตรงภาษาอังกฤษนี่แหละคะ จากคนที่ภาษาอังกฤษงูๆปลาๆ แต่ต้องมาเรียนแบบว่า ฟัง พูด อ่าน เขียน มาพร้อมกันแล้วเป็นศัพท์ Business ด้วย กระเหรี่ยงน้อย ร้องไห้หลายตลบ แต่ตอนนี้ก็ผ่านมาด้วยดีจบเทอมแรกแบบหืดขึ้นคอ ไม่ต้องสงสัยนะคะว่าเค้ารับได้ยังไง คือจริงเค้าใช้คะแนนสอบ โทเฟิล ที่รู้ตัวแน่ๆว่าทำไม่ได้กะการโอนจากโรงเรียนสอนภาษาแล้วได้ระดับตามเกณที่เค้าต้องการก็สามารถมาเรียนได้เลย แต่เราไม่ได้ค่ะ เพราะหนึ่งบ้านจน ไม่มีปัญญาส่งแน่ๆ และถ้าต้องเรียนเราก็ต้องทำงานส่งตัวเองเรียน จึงไปคุยกะทางมหาลัยว่าเรียน ESL classมาสี่คอสตอนเป็นออแพร์ ที่ปรึกษาก็ใจดีให้เราเอาจดหมายจากอาจารย์ที่เราเรียน ให้รับรองว่าภาษาอังกฤษ เราเป็นอย่างไร แต่อาจารย์ก็เขียนมาดีค่ะ เค้าเลยรับ หลังจากจบโครงการออแพร์ก็ทำเรื่องเรียนและกลับไปขอวีซ่าที่เมืองไทย คิดถึงบ้านมากเลย กลับไปได้แค่สองเดือน ก็ต้องกลับมาอีก ในใจตอนสัมภาษณ์วีซ่าคิด ขออย่าให้ได้ ไม่อยากไปแล้ว แต่ปรากฏว่าได้วีซ่ามาง่ายมากแทบจะไม่ถามอะไร ดูอะไรเลย แป่ว สรุปต้องกลับไปอีกใช่มั้ยเนี่ย แต่นะคะมันเป็นโอกาสและความฝันตั้งแต่เด็กว่าอยากจะเป็นเด็กเรียนจบนอก ในเมื่อโอกาสมาขนาดนี้แล้ว ทำไมจะไม่สู้ละค่ะ ชีวิตนี้สู้มาทั้งชีวิตแล้วนี่ ช่วงเป็นออแพร์นี่ปีแรก สนุกมากกะชีวิตที่นี่ ทุกอย่างดูตื่นตาไปหมด ได้ไปเที่ยวเกือบทุกที่ที่อยากไป ไปเที่ยวกะเพื่อนทุกอาทิตย์ เด๋ววันหลังจะเล่าเรื่องการออกเดทและวัฒนธรรมการเที่ยวของคนที่นี่ให้ฟังค่ะ แต่พอมาปีที่สอง เพื่อนเริ่มทยอยกลับบ้าน เรื่องอิ่มตัว ไม่อยากไปไหน ประกอบกับบ้านเราห่างจากตัวเมืองเกือบชั่วโมงเลยไม่ได้ไปไหน จากสาวสังคมเมือง กลายมาเป็นสาวชนบท เริ่มเบื่ออยากกลับบ้านทุกลมหายใจเข้าออก ตอนนั้นทรมานมาก คิดถึงบ้าน เกิดมาไม่เคยมานั่งนับปฏิทินเลย เชื่อไหมคะว่านับเป็นรายวัน ก็จะหมดเดือน นี่ก็เข้าสู่ยุคเดิม ที่ต้องนั่งนับปฏิทินใหม่ เฮ้อออ แลกกับความฝันมันเป็นอะไรที่ต้องแลกหลายอย่างค่ะ การเรียนปริญญาโท ไม่ใช่แค่ความรู้อย่างเดียว และมันไม่ใช่แค่ความโก้หรู แต่มันจะเป็นใบเบิกทางให้เราได้มีสิทธิทำตามความฝัน และมีโอกาสมากกว่าคนอื่นนิดหน่อย นอกนั้นก็ที่โชคชะตา ฝีมือ และโอกาสละล่ะคะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น